วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559

บทความที่ดี

สายลมแห่งการให้อภัยและก้อนหินแห่งความทรงจำ




มีคน 2 คนเป็นเพื่อนรักกันมาก ร่วมเดินทางไปในทะเลทราย ระหว่างทาง เกิดมีปากเสียงกันรุนแรงทะเลาะกัน เพื่อนคนหนึ่งระงับอารมณ์ไม่อยู่ตบหน้าอีกฝ่าย เพื่อนที่ถูกทำร้าย….เจ็บปวดแต่ไม่เอ่ยวาจา กลับเขียนข้อความลงบนผืนทรายว่า วันนี้ฉันถูกเพื่อนรักตบหน้า พวกเขายังคงเดินทางต่อไปจนกระทั่งถึงแหล่งน้ำ พวกเขาก็อาบน้ำ….เพื่อนคนที่เคยถูกตบหน้า ได้พลัดตกแหล่งน้ำ จมน้ำ เพื่อนอีกคนไม่รอช้า รีบลงไปช่วยทันที คนรอดตายยังคงไม่เอ่ยวาจากลับสลักข้อความลงไปบนก้อนหินใหญ่…“วันนี้เพื่อนรักช่วยชีวิตฉันไว้ อีกคนไม่เข้าใจเลยถามว่า เมื่อเธอถูกฉันตบหน้า เธอเขียนเรื่องราวลงพื้นทราย แล้วเรื่องที่ฉันได้ช่วยเธอจากการจมน้ำ ทำไมจึงต้องสลักบนก้อนหิน อีกคนยิ้มพรายกล่าวตอบ เมื่อถูกคนที่รักทำร้ายเราควรเขียนมันไว้บนพื้นทราย ซึ่ง สายลมแห่งการให้อภัย จะทำหน้าที่พัดผ่าน ลบล้างไม่เหลือ แต่เมื่อมีสิ่งที่ดีมากมายเกิดขึ้น เราควรสลักไว้บน ก้อนหินแห่งความทรงจำในหัวใจ ซึ่งต่อให้มีสายลมพัดแรงเพียงใด ก็ไม่อาจ ลบล้าง ทำลาย




ยกตัวเองขึ้น โดยไม่ลดคนอื่นลง




อาจารย์คนหนึ่งชวนลูกศิษย์ไปเดินเล่นที่ชายหาดอาจารย์ได้เริ่มสอนลูกศิษย์ ด้วยการใช้ไม้ขีดเส้นสองเส้นลงไปบนผืนทราย เป็นเส้นคู่ขนาน ยาว 4 ฟุต และ 2 ฟุต ตามลำดับ
อาจารย์กล่าวว่า เธอสามารถทำให้เส้น 2 ฟุต ยาวกว่าเส้น 4 ฟุต ได้หรือเปล่า ไหนลองทำให้อาจารย์ดูซิ
ลูกศิษย์ได้คิดหาทางซักพักหนึ่ง แล้วก็เอามือลบรอยเส้นที่ยาว 4 ฟุต ให้สั้นลงเหลือเพียง 1 ฟุต ทำให้เส้น 2 ฟุตนั้นดูยาวกว่าทันที แล้วศิษย์ก็ถามอาจารย์ว่า ทำแบบนี้ใช้ได้ไหมครับ
เหยียบหัวคนอื่น เพื่อให้ตัวเองอยู่สูงขึ้น
อาจารย์เขกกบาลลูกศิษย์เบาๆ แล้วกล่าวว่า คนที่จะยกตนเองให้สูงขึ้น โดยการทำร้ายคู่คนอื่นนั้น ไม่ใช่วิธีที่เหมาะสม ถ้าเลือกใช้วิธีนี้ ชีวิตเธอก็มีแต่คนสาปแช่ง และในระยะยาวชีวิตมักจะล้มเหลว ทางที่ดีควรเลือกวิธีที่จะยกตัวเองขึ้น โดยไม่ไปลดคนอื่นลง
แล้วอาจารย์ก็ขีดเส้นสองเส้นให้ยาวเช่นเดิม คือ 2 ฟุต และ 4 ฟุต จากนั้นอาจารย์ก็ทำให้ดูด้วยการขีดเส้น 2 ฟุตให้ยาวขึ้นเป็น 5 ฟุต แล้วพูดว่า จงอย่าคิดว่าคู่แข่งของเจ้าคือศัตรู แต่ให้คิดว่าเป็นครูของเจ้าที่เธอจะต้องพัฒนาตัวเองให้เทียบเท่าหรือดีกว่า มันจะทำให้เธอได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างามและยั่งยืน
ผู้ที่เลื่อนตัวเองขึ้น โดยการฆ่าน้อง ฟ้องนาย และขายเพื่อน ถึงแม้จะทำให้ตนเองประสบความสำเร็จ แต่นั่นก็เป็นความสำเร็จที่ปราศจากเกียรติคุณ ไม่อาจพูดได้อย่างเต็มภาคภูมิ การเลื่อนตัวเองขึ้นโดยวิธีที่ไม่ชอบธรรม กับการเลื่อนตัวเองขึ้นไป โดยปล่อยให้ผู้อื่นได้ก้าวไปทางของเขาอย่างเสรีนั้น ย่อมส่งผลลัพธ์ที่ต่างกัน
หากไร้คู่แข่งแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ตัวเองมีศักยภาพในการทำงานแค่ไหน ไม่มีอัปลักษณ์ก็ไม่รู้จักสวยงาม
นักสู้ที่ดีมักชื่นชมคู่ต่อสู้ที่เก่ง เพราะคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอ จะทำให้ชัยชนะของเขาไม่ยั่งยืนและไม่ภาคภูมิใจ ดังนั้นเมื่อได้พบกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งและฉลาดล้ำ ก็ยิ่งกระตุ้นให้เรารู้จักพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้น
การเลื่อนตัวเองขึ้นพร้อมกับลดคนอื่นลง เจ้าอาจจะชนะ แต่ก็มีศัตรูตามมาด้วย

แต่การเลื่อนตัวเองขึ้นโดยไม่ลดคนอื่นลง เธอจะเป็นผู้ชนะ พร้อมกับยังมีเพื่อนเพิ่มขึ้น และหนึ่งในนั้นอาจเคยเป็นคู่แข่งของเธอเองด้วย



ธนาคารเวลา





เมื่อท่านอ่านบทความนี้จบ ให้ลองถามตนเองว่า สิ่งไหนที่สำคัญ แล้วได้ทำสิ่งนั้นหรือยัง?” “ใครที่เรารัก แล้วได้ทำดีกับเขาหรือยัง?” ลองจินตนาการว่ามีธนาคารแห่งหนึ่ง นำเงินเข้าบัญชีให้คุณทุกเช้า เป็นจำนวนเงิน 86,400 บาท แต่ไม่มีการยกยอดคงเหลือไปวันรุ่งขึ้น ทุกสิ้นวันยอดเงินที่เหลืออยู่จะถูกลบจนหมด คุณจะทำอย่างไร? แน่นอนที่สุดคุณต้องถอนมาใช้ทุกบาททุกสตางค์ ใช่ไหม!!! เราทุกคนก็มีธนาคารอย่างนี้เหมือนกัน ธนาคารแห่งนี้ชื่อว่า เวลามันเข้าบัญชีให้คุณ 86,400 วินาที ทุกคืนมันจะถูกล้างบัญชีเหลือศูนย์ มันไม่สะสมยอดคงเหลือ ไม่ให้เบิกเกินบัญชี ถ้าคุณเสียโอกาสที่จะใช้มันให้เกิดประโยชน์ในระหว่างวัน ผลขาดทุนก็เป็นของคุณ ไม่สามารถถอยหลังกลับไปใช้ได้ ไม่มีการถอนของ วันพรุ่งนี้มาใช้ได้ คุณต้องมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันด้วยยอดเงินฝากของวันนี้ ให้ลงทุนจากเงินฝากเหล่านี้เพื่อได้ผลตอบแทนกลับมาดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ความสุข และความสำเร็จ นาฬิกากำลังเดินไม่หยุด จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด และมีคุณค่าที่สุด จงใช้เวลาที่มีให้มีคุณค่า และจำไว้เสมอว่า เวลาจะไม่คอยใครแม้สักคนเดียว เมื่อวานคืออดีต พรุ่งนี้ยังยากที่จะอธิบาย ส่วนปัจจุบันเป็นของขวัญที่เรามี เราจึงเรียกมันว่า  


คุณกำลังรู้สึกว่า ได้ละเลย หรือ พลาดอะไรในชีวิตไปหรือไม่ ?

ถ้าใช่ อย่าให้สายเกินไป

เรื่องนี้ อาจทำให้คุณเป็นอิสระจากความคิดของคุณเอง

เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ก็ขึ้นอยู่กับตัวของคุณเอง
บรอน นี แวร์ พยาบาลชาวออสเตรเลีย ได้รวบรวม เรื่องเสียใจ 5 ข้อ จากผู้ป่วย ในช่วง 12 สัปดาห์สุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะเสียชีวิต เอาไว้ ในหนังสือ "The Top Five Regrets of the Dying"   

เมื่อผู้ป่วยถูกถามว่า เรื่องอะไรที่พวกเขาเสียใจ และอยากกลับไปแก้ไขที่สุด หากพวกเขาทำได้ 

คำตอบของพวกเขา คือ...

เรื่องที่คนคิดเสียใจ 5 ข 1. ฉันหวังว่าฉันกล้าพอที่จะใช้ชีวิตตามความต้องการของตัวเอง ไม่ใช่ชีวิตที่คนอื่นคาดหวังจะให้ฉันเป็น
รูป 5 เรื่องเสียใจ ที่คนมักคิดได้ ก่อนจากโลกนี้ไป

นี่เป็นข้อเสียใจที่ถูกกล่าวมากที่สุด เมื่อผู้ป่วยรู้ตัวว่าเวลาที่เหลือในชีวิตใกล้จะหมดลง และพวกเขารู้ว่าความหวังในชีวิตบางอย่างไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้อีกแล้ว สุขภาพนั้นทำให้คุณมีอิสระในการเลือก และมีเพียงไม่กี่คนที่รู้เช่นนั้น หลายคนกว่าจะตระหนักได้ ก็ต่อเมื่อพวกเขาไม่มีสุขภาพที่ดีเสียแล้ว


เรื่องที่คนคิดเสียใจ 5 ข 2. ฉันหวังว่าฉันไม่ได้ทุ่มเทให้กับงานมากขนาดนี้
รูป 5 เรื่องเสียใจ ที่คนมักคิดได้ ก่อนจากโลกนี้ไป
แวร์ บอกว่าข้อนี้เป็นสิ่งที่เธอพบกับผู้ป่วยชายทุกคนที่เธอรักษา พวกเขาคิดถึงชีวิตวัยเด็กของลูกๆ และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนรัก ผู้หญิงบางคนเสียใจในเรื่องนี้บ้างแต่มักเป็นผู้หญิงที่อยู่ในวัยชรา


เรื่องที่คนคิดเสียใจ 5 ข 3. ฉันหวังว่าฉันจะกล้าพอที่จะเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริง
รูป 5 เรื่องเสียใจ ที่คนมักคิดได้ ก่อนจากโลกนี้ไป
หลายคนเก็บความรู้สึกไว้เพราะไม่อยากเสียมิตรภาพกับผู้อื่น ทำให้หลายคนไม่สามารถเปิดเผยศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง หลายคนกลายเป็นผู้ป่วยจากความรู้สึกขมขื่นในจิตใจ และการต้องทนอยู่กับความรู้สึกนั้นๆ


เรื่องที่คนคิดเสียใจ 5 ข 4. ฉันหวังว่าฉันยังคงติดต่อกับเพื่อนของฉันอยู่
รูป 5 เรื่องเสียใจ ที่คนมักคิดได้ ก่อนจากโลกนี้ไป
คนส่วนใหญ่เพิ่งจะนึกถึงมิตรภาพของเพื่อนเก่า และหลายคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการใช้ชีวิตของตัวเองและปล่อยให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนที่ดีหลุดลอยไป หลายคนเสียใจที่ไม่ได้ให้เวลากับเพื่อนมากเท่าที่ผ่านมา ทุกคนมักจะนึกถึงเพื่อนเก่าเมื่อตอนที่รู้ว่าชีวิตมีเวลาเหลือไม่มากแล้ว


เรื่องที่คนคิดเสียใจ 5 ข 5. ฉันหวังว่าฉันปล่อยให้ตัวเองใช้ชีวิตให้มีความสุขมากกว่านี้
รูป 5 เรื่องเสียใจ ที่คนมักคิดได้ ก่อนจากโลกนี้ไป
หลายคนไม่ได้ตระหนักรู้ว่าความสุขนั้นเป็นทางเลือกที่ทุกคนมีได้ พวกเขายึดติดกับการใช้ชีวิตรูปแบบเดิมๆ ซึ่งรู้สึกปลอดภัยจากความเคยชินในการใช้อารมณ์และการใช้ชีวิต การกลัวการเปลี่ยนแปลงทำให้พวกเขาต้องเสแสร้งในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น รวมทั้งต้องเสแสร้งกับตัวเองด้วย และเมื่อตระหนักรู้แล้ว พวกเขาก็จะรู้ว่าพวกเขาควรจะมีความสุขและใช้ชีวิตอย่างเต็มที่บ้าง

...

สุดท้ายปลายทางจะเป็นอย่างไร

คุณจะพบกับความเสียใจ 5 ข้อนี้ หรือไม่

ขึ้นอยู่กับคุณเลือกเอง